ความเป็นมาของระบบงานพิมพ์สติ๊กเกอร์ ระบบอิงค์เจ็ท

ความเป็นมาของระบบงานพิมพ์อิงค์เจ็ท ผลิตผลงานที่ยอดเยี่ยม

ทำความรู้จักกับเครื่องพิมพ์แบบ อิงค์เจ็ท (Inkjet) กันก่อน

เครื่องพิมพ์สติ๊กเกอร์ แบบอิงค์เจ็ท ถือกำเนิดขึ้นเมื่อในปี ค.ศ. 1984 และพัฒนาเรื่อยมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบัน สามารถสร้างหัวพิมพ์ที่มีขนาดใหญ่ได้ถึง 8.7 นิ้ว จากที่เคยกว้างแค่ 1 นิ้ว และสามารถพิมพ์งานได้หลากหลาย ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมไปถึงงานพิมพ์สติ๊กเกอร์ติดพื้นผิวต่างๆ

ตัวกำหนดคุณภาพของงานพิมพ์ และตัวหมึก พิมพ์สติ๊กเกอร์อิงค์เจ็ท คืออะไร

อุปกรณ์ที่สำคัญของเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท คือ หัวพิมพ์ ซึ่งเป็นตัวกำหนดคุณภาพของงานพิมพ์ และตัวหมึก ซึ่งจะหมายถึงคุณภาพของงาน, สีสัน, อายุการใช้งาน อีกด้วย

โดยหัวพิมพ์ แบ่งตามเทคโนโลยีได้เป็น 2 ระบบ คือ

1. Continuous (CIG)

2. Drop on demand (DOD) ซึ่งยังแบ่งต่อได้เป็น 2 ระบบคือ

2.1 Thermal (TIJ)

2.2 Piezoelectric (PIJ)

ขณะที่หมึกพิมพ์ ก็มีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ เช่น

1. หมึกน้ำ
2. หมึกน้ำมัน
3. หมึกแบบ Solid Wax
4. หมึกแบบ UV
5. หมึกแบบ Latex (เป็นหมึกที่ดีที่สุด พิมพ์สติ๊กเกอร์ติดกลางแดดจัดๆได้ 3 ปี)
6. หมึกแบบ Solvent หรือที่เรียกว่าหมึกแบบ Eco-Solvent

เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทเป็นเครื่องพิมพ์ที่ทำงานโดยการพ่นหมึกออกมาเป็นหยด (จุด) เล็กๆ ลงบนวัสดุที่ใช้พิมพ์

โดยหลักทั่วไป เริ่มต้นที่ 4 สี คล้ายเครื่องพิมพ์แบบออฟเซ็ท

คือสีฟ้า (Cyan)

สีแดง (Magenta)

สีเหลือง (Yellow)

และสีดำ (Black)

หรือตัวย่อคือ C, M, Y, K คล้ายกับเครื่องพิมพ์ระบบออฟเซ็ท และใช้หลักการผสมสีของจุดสีออกมาเป็นสีอื่นๆ เช่นเดียวกัน

อาจแตกต่างกันเล็กน้อยตรงที่น้ำหมึกที่พ่นออกมาจะแห้งช้ากว่าหมึกพิมพ์แบบออฟเซ็ท สีที่พ่นออกมาชิดกันอาจมาผสมกันได้ ซึ่งอาจเป็นข้อดีตรงที่ทำให้ภาพดูเนียนขึ้นได้ ซึ่งในปัจจุบัน มีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทหลายรุ่นที่มีตลับหมึกสีเพิ่มจาก 4 สีหลักขึ้นอีกด้วย เพื่อการไล่สีทีละเอียดขึ้น (เช่นสี Photo Black, Chromatic Red, Chromatic Green, Chromatic Blue, Gray) มักเป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคำว่า Photo ต่อท้ายชื่อ วัตถุประสงค์เพื่อการพิมพ์ภาพถ่าย ซึ่งมีการไล่สีและไล่น้ำหนักละเอียดมากขึ้นจากการพิมพ์ภาพกราฟิกธรรมดา โดยมีขนาดที่หลากหลายให้เลือกใช้ ตั้งแต่ขนาดเล็ก A4 สำหรับงานออฟฟิศ, การเรียน ไปจนถึงการใช้งานเบื้องต้นทั่วไป ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่รูปแบบปกติ ราคาถูก ไปจนถึงแบบ Photo ที่มีสีเพิ่มเติ่มมาเป็น 5-8 สี ให้การไล่เฉดได้ดี และใหญ่ขึ้นเป็นขนาด A3 และขนาดหน้ากว้าง ที่สามารถรองรับการพิมพ์ที่ขนาดกว้างได้ ถึง 5 เมตร และความยาวไม่จำกัด ตามความยาวของวัสดุที่ใช้พิมพ์ โดยสามารถเติมหมึกไปพร้อมกับการพิมพ์ได้ จึงสามารถพิมพ์ได้ไม่จำกัด

เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท สามารถพิมพ์ได้ไม่จำกัด หลากหลายการใช้งานให้เลือก

ข้อดีของงานพิมพ์ระบบอิงค์เจ็ท

1. พิมพ์ได้ทั้งเอกสาร หรือรูปภาพได้ และพิมพ์เป็นสีได้ตามต้องการ โดยไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ภาพขาวดำหรือสี ก็จะมีต้นทุนเท่ากันหรือไกล้เคียงกัน

2. ไม่มีกลิ่นไหม่เหมือนเลเซอร์ปริ้นเตอร์ และเสียงไม่ดังเท่าระบบดอทเมตริกซ์

3. เครื่องพิมพ์บางขนาด โดยเฉพาะขนาด A4 มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้ง่าย ปัจจุบันมีราคาถูกมาก อีกทั้งยังตลับหมึกในปัจจุบัน (อิงค์แทงค์) มีการทำตลับที่ใหญ่กว่าปกติ สามารถเติมหมึกได้มาก หมึกที่ใช้เติม มีราคาถูกกว่าซื้อแบบตลับ จึงทำให้ราคางานพิมพ์เฉลี่ยถูกลงกว่าเมื่อก่อนมาก

ข้อเสียของงานพิมพ์ระบบอิงค์เจ็ท

1. จำเป็นต้องพิมพ์อย่างสม่ำเสมอ ทิ้งไว้ได้ไม่นานนัก เพราะจะทำให้หัวพิมพ์อุดตัน ซึ่งอาจต้องทำการล้างหรือทิ้งและเปลี่ยนตลับใหม่ และค่าซ่อมมักมีราคาแพง

2. การเติมหมึกต้องใช้ความชำนาญในระดับหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้หกเลอะเทอะได้ง่ายและติดมือล้างออกยาก

3. การล้างหัวพิมพ์ทุกครั้ง ต้องสูญเสียปริมาณนำหมึกไปจำนวนหนึ่ง หากเป็นตลับหมึกแบบธรรมดา ก็อาจสิ้นเปลืองพอสมควร

4. อิงค์แทงค์ มีการสะสมของหมึกที่ล้างหัวพิมพ์อยู่บ่อยๆ ต้องคอยเปลี่ยนอุปกรณ์ซับหมึกเมื่อถึงเวลา

ปัจจุบันเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ได้มีการพัฒนาเป็นหลักหลายพัน dpi และยังมีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ

เพื่อให้ได้สีสันที่สวยงามและมีความคมชัดมากยิ่งขึ้น จึงทำให้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท เหมาะสมแก่การใช้กับงานสื่อสิ่งพิมพ์เป็นอย่างมาก โดยจะได้งานที่ออกมามีคุณภาพที่ดีให้ความละเอียดสูง และให้การลงทุนที่ต่ำแต่ได้งานที่น่าพึงพอใจ ได้สื่อโฆษณาที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ซึ่งในความเป็นจริงแล้วงานสื่อสิ่งพิมพ์มีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบ

โดยมีทั้งการพิมพ์ด้วยเครื่องแบบดิจิตอลและเครื่องพิมพ์ Offset ที่มีระบบการใช้งานที่แตกต่างออกไป

ระบบดิจิตอลจะให้งานที่รวดเร็ว

แต่จะเหมาะสมกับงานพิมพ์หนังสือ ที่สามารถสั่งพิมพ์จากไฟล์งานได้โดยตรงผ่านเครื่องแล้วสั่งพิมพ์ออกมาได้เลยทันที และไม่ต้องมาสร้างเพลทแยกสีที่จะทำให้การพิมพ์ยุ่งยาก

ส่วนการพิมพ์แบบ Offset

ก็เป็นรูปแบบการพิมพ์งานที่เหมาะสมกับการสั่งพิมพ์ในจำนวนมาก แต่จะสามารถพิมพ์งานได้หลากหลายพื้นผิว จึงทำให้สะดวกเมื่อต้องการจะพิมพ์งานลงในวัสดุต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

ส่วนเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท นั้น สามารถที่จะผลิตงานออกมาได้สีสันสดใสและสวยงาม พร้อมผลิตงานได้ทั้งจำนวนน้อยและจำนวนมากตามความต้องการของลูกค้า ทั้งยังสามารถที่จะผลิตสื่อโฆษณาได้ทั้งงาน Indoor และ Outdoor ที่มีคุณภาพสีดีและชัดเจนมากที่สุด ที่สำคัญคือเรื่องของราคาค่าจ้างที่ไม่แพงจนเกินไปอีกด้วย

การใช้งานเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท จึงเป็นที่นิยมมากที่สุด

เพราะด้วยคุณสมบัติการผลิตงานสื่อต่างๆ อย่างมีคุณภาพ สามารถที่จะให้สีสันสดสวย มีความละเอียดสูงและทนทานต่อทุกสภาวะ ทั้งยังผลิตงานออกมาได้อย่างรวดเร็ว โดยการผลิตงานในบางรายการก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ซึ่งงานอิงค์เจ็ท Indoor

จะเป็นการเน้นรายละเอียดและความคมชัดของตัวอักษร และต้องทำอย่างมีคุณภาพมากที่สุด เพราะตัวงานจะอยู่หรือเป็นรูปแบบที่ใกล้ชิดกับตัวผู้คนหรือการติดตั้งภายในอาคาร อย่างเช่นโลโก้สินค้า, ฉลากสินค้า, โปสเตอร์, งานแผ่นพับ, งานป้าย, งานตกแต่งอาคาร เป็นต้น

ส่วนงานอิงค์เจ็ท Outdoor

จะเป็นรูปแบบงานที่ติดภายนอกอาคาร อย่างป้ายที่ติดบนตึกสูง, ติดกระจก, ติดผนัง หรือสื่อโฆษณาที่มักจะเห็นรูปภาพได้ชัดเจนบนสื่อขนาดใหญ่ อย่างเช่นผนังตึก จึงจำเป็นอย่างมากที่งานจะต้องใช้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท และหมึกพิมพ์ที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้เกิดภาพที่คมชัด และต้องทำตัวอักษรขนาดใหญ่ที่สามารถอ่านได้ในระยะไกล โดยเส้นทางในการมองที่ถือว่าเหมาะสมที่สุดจะต้องมองเห็นได้ในระยะ 2 เมตรเป็นขั้นต่ำ และที่สำคัญคือต้องมีความคงทน ไม่ขาดหรือสีซีดง่ายอีกด้วย

แม้หัวใจหลักที่สำคัญของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท จะคือ “หัวพิมพ์” ที่เป็นตัวกำหนดความรวดเร็วและคุณภาพของการพิมพ์งาน

แต่ก็ยังมีปัจจัยเพิ่มเติมที่จะทำให้หัวใจของงานพิมพ์อิงค์เจ็ท ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี คือ ตัวหมึกพิมพ์ที่ดีและระบบภายในที่จะช่วยทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพราะฉะนั้นการเลือกเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ที่สามารถใช้งานได้ตรงต่อเป้าหมายของงาน ก็เป็นอีกหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้งานเป็นที่ต้องการและทำให้ลูกค้าได้เห็นถึงความสำคัญของสื่อโฆษณาที่ใช้

เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท เป็นตัวผลิตผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมา

การซื้อเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท จึงไม่จำเป็นที่จะยึดหัวใจหลักเพียงอย่างเดียวเป็นตัวในการเลือกซื้อ แต่จะต้องดูองค์ประกอบโดยรวมและรูปแบบการใช้ที่เหมาะสมกับงานให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้ลดต้นทุนการผลิตในเรื่องของการซ่อมบำรุงและเวลาของการผลิตงานที่รวดเร็ว จนสามารถที่จะทำให้ราคาถูกลง ลูกค้าจึงจะมีทางเลือกที่ดี มีราคาที่ถูกกว่าและตัวงานก็ยังมีคุณภาพอีกด้วย และอย่าลืมว่าเครื่องพิมพ์นั้นยังมีการพัฒนารูปแบบการใช้งานให้มีความทันสมัยและเหมาะสมต่อการใช้งานที่ดีกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มคุณสมบัติหลากหลายในชนิดงานที่เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท จะสามารถรวมไว้เป็นหนึ่งเดียวได้ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน

แต่ถ้าคุณต้องการงาน พิมพ์สติ๊กเกอร์ คุณภาพสูงไปกว่านั้น แอละองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะช่วยให้งานที่ต้องการนั้นได้คุณภาพสูงสุด เช่น วัสดุในการพิมพ์, อายุการใช้งานที่ยาวนาน, การทนน้ำหรือทนแดด, การไดคัทให้เป็นรูปร่างตามต้องการ, การพิมพ์ภาพขนาดใหญ่เกินกว่าเครื่องพิมพ์ขนาด A4 จะสามารถทำได้, การติดตั้งด้วยความเป็นมืออาชีพ ติดต่อเรามาได้นะคะ ทางเราสามารถช่วยให้คุณได้รับผลงานที่คุณจะพอใจ และสะดวกสบาย ในราคาที่สมเหตุสมผลค่ะ